ดุอาอ์ยามเช้ายามเย็นที่มุสลิมไม่ควรพลาด | อ.ฮัซซาน แดงโกเมน

หนึ่งในดุอาอ์ยามเช้ายามเย็นที่มุสลิมไม่ควรพลาด
คำอ่าน + ความหมาย + คำอธิบาย
#ซัยยี่ดุ้ลอิสติฆ์ฟาร (นายของการขออภัยโทษ)‎
🔵 มีรายงานจากท่านชัดด๊าด อิบนุเอาส์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ได้กล่าวว่า ‎
‎“นายของการขออภัยโทษคือการที่บุคคลหนึ่งกล่าวว่า ‎: อัลลอฮุมม่าอันต้าร็อบบีย์ ลาอิลาฮ่าอิ้ลลาอันต้า ค่อลักต้านี ว่าอ้าน่าอับดุก้า ว่าอ้าน่าอะลาอะฮ์ดิก้า ว่าวะอ์ดิก้ามัสตะเตาะอ์ตุ้ อ้าอูซู้บิก้ามินชัรริมาศ่อนะอ์ตุ้ อะบูอู้ล้าก้าบินิอ์ม่าติก้าอ้าลัยย่า ว่าอ้าบูอู้บิซัมบี ฟัฆ์ฟิรลี ฟ่าอินน่าฮูลายัฆ์ฟิรุซซู่นูบ้าอิ้ลลาอันต้า ‎
#ความว่า “โอ้อัลลอฮ์ พระองค์ท่านคือพระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้อีกแล้วนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงบังเกิดข้าพระองค์และข้าพระองค์เป็นบ่าวของพระองค์ ข้าพระองค์อยู่บน(ยึดมั่นต่อ)พันธะและสัญญาของพระองค์ตามที่ข้าพระองค์สามารถ ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความชั่วที่ข้าพระองค์ได้ก่อ ข้าพระองค์ยอมรับต่อพระองค์ในความโปรดปรานของพระองค์ที่ประทานให้ และข้าพระองค์ยอมรับต่อพระองค์ในความผิดที่ข้าพระองค์ได้กระทำ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะแท้จริงไม่มีผู้ที่จะอภัยความผิดได้นอกจากพระองค์เท่านั้น”‎
ผู้ใดที่กล่าวดุอาอ์บทนี้ในยามเช้าด้วยความมั่นใจ แล้วเขาเสียชีวิตในวันนั้นก่อนที่จะเข้าเวลาเย็น เขาคือหนึ่งในชาวสวรรค์ และผู้ใดที่กล่าวดุอาอ์บทนี้ยามกลางคืนโดยมีความมั่นใจ แล้วเขาเสียชีวิตก่อนที่จะถึงเวลาเช้าเขาจะเป็นหนึ่งในชาวสวรรค์”‎
บันทึกโดยอัลบุคอรีย์
🟡 คำอธิบาย
ดุอาอ์บทนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นดุอาอ์ที่ประมวลไว้ซึ่งเนื้อหาของการกลับเนื้อกลับตัว การแสดงความต่ำต้อยต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา ซึ่งท่านนบี  ได้ให้ลักษณะแก่ดุอาอ์บทนี้ว่าเป็นนายของการขออภัยโทษ ดังกล่าวก็เพราะสำนวนของดุอาอ์บทนี้นั้นมีความประเสริฐกว่าบทอื่น ๆ หากจะเทียบระดับกับดุอาอ์บทอื่น ๆ ดุอาอ์บทนี้ก็มีระดับหรือฐานะที่สูงกว่า
★ส่วนหนึ่งจากความหมายของคำว่า “นาย” คือผู้ที่นำหน้ากลุ่มชนในเรื่องความดีและเขามีฐานะเหนือกว่าพวกเขา ‎
แง่มุมความประเสริฐของสำนวนในดุอาอ์บทนี้ที่เหนือกว่าสำนวนอื่น ๆ ในเรื่องของการขออภัยโทษคือ ท่านนบี  ได้เริ่มด้วยการสรรเสริญอัลลอฮ์  และยอมรับว่าท่านเป็นบ่าวของพระองค์ ถูกบังเกิดมาเพื่อพระองค์ และพระองค์คือผู้ได้รับการเคารพสักการะโดยเที่ยงแท้เท่านั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นที่คู่ควรแก่การได้รับสักการะนอกจากพระองค์ ท่านยังคงยึดมั่นต่อสัญญาและยืนหยัดในพันธะที่ท่านได้ให้แก่พระองค์ว่า จะอีหม่านศรัทธาต่อพระองค์ ต่อคัมภีร์ บรรดานบีและร่อซูลของพระองค์ โดยที่ท่านดำรงมั่นอยู่บนสิ่งดังกล่าวเท่าที่สามารถ ‎
หลังจากนั้นท่านขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์  ให้พ้นจากความชั่วทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นความบกพร่องในเรื่องการกตัญญูต่อความโปรดปรานที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ท่านที่ท่านจำต้องกระทำและการกลับเนื้กกลับตัวจากความผิดที่เกิดขึ้น ‎
ต่อจากนั้นท่านยอมรับในความโปรดปราน ความเมตตาที่อัลลอฮ์  ได้ทรงประทานให้แก่ท่านอย่างต่อเนื่อง และยอมรับต่อความผิดบาปแล้วท่านก็ขออภัยโทษต่อพระองค์ในบาปทั้งหมดโดยยอมสยบว่าไม่มีผู้ให้อภัยความผิดบาปได้นอกจากพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ‎
นี่คือความสมบูรณ์แบบในการขอดุอาอ์ เหตุนี้เองดุอาอ์บทนี้จึงเป็นดุอาอ์ที่ใช้สำนวนประเสริฐที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดและรวมไว้ซึ่งความหมายของการอภัยโทษทั้งหมด
🔴 คำพูดของท่านนบี  ที่ว่า “โอ้อัลลอฮ์ พระองค์ท่านคือพระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้อีกแล้วนอกจากพระองค์” แสดงให้เห็นถึงความต่ำต้อย การยอมจำนน ยอมสยบต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา ชี้ให้เห็นถึงการอีหม่านต่อพระองค์เพียงองค์เดียวทั้งในด้านรุบูบียะฮ์และอุลูฮียะฮ์ ‎
‎“พระองค์ท่านคือพระผู้อภิบาล(รุบูบียะฮ์)ของข้าพระองค์” ไม่มีพระผู้อภิบาล(ผู้ทรงบริหาร ดูแลจัดการสรรพสิ่งทั้งหลาย หรือการกระทำอื่น ๆ ของพระองค์)และไม่มีผู้สร้างอื่นนอกจากพระองค์อีกแล้ว คำว่า “อัรร็อบ” คือผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งอย่าง ผู้ทรงสร้าง ทรงประทานปัจจัยยังชีพ ทรงบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ ของสรรพสิ่ง นี่คือการยอมรับในเตาฮีดอัรรุบูบียะฮ์ เหตุนี้เองท่านนบี  จึงต่อท้ายด้วยกับประโยคที่ว่า “พระองค์ทรงบังเกิดข้าพระองค์” กล่าวคือ พระองค์คือพระผู้อภิบาลของข้าพระองค์(ร็อบบี) ผู้ทรงสร้างข้าพระองค์ ไม่มีพระผู้สร้างอื่นนอกจากพระองค์ท่านอีกแล้ว
🔴 คำพูดของท่านนบี  ที่ว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้อีกแล้วนอกจากพระองค์” หมายถึง ไม่มีผู้ที่ใดที่จะได้รับการสักการะโดยเที่ยงแท้อีกแล้วนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่คู่ควรแก่การได้รับการสักการะ นี่คือการยืนยันเตาฮีดอัลอุลูฮียะฮ์ เหตุนี้เองท่านนบี  จึงต่อท้ายคำพูดของที่ว่า “ข้าพระองค์เป็นบ่าวของพระองค์” หมายถึง ข้าพระองค์คือผู้ที่สักการะต่อพระองค์ พระองค์คือผู้ได้รับการสักการะที่เที่ยงแท้ ไม่มีสิ่งใดได้รับการสักการะที่แท้จริงนอกจากพระองค์อีกแล้ว ‎
🔴 คำพูดของท่านนบี  ที่ว่า “ข้าพระองค์อยู่บน(ยึดมั่นต่อ)พันธะและสัญญาของพระองค์ตามที่ข้าพระองค์สามารถ” ข้าพระองค์ยึดมั่นอยู่บนพันธะและสัญญาที่ได้ให้ไว้แก่พระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศรัทธาต่อพระองค์ การเชื่อฟังพระองค์ ปฏิบัติตามพระบัญชาใช้ (ปฏิบัติทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งใช้และกระทำทุกอย่างที่จะทำให้ได้รับสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่าจะตอบแทนบ่าวของพระองค์) “ตามที่ข้าพระองค์สามารถ” ‎หมายถึง ตามความสามารถของข้าพระองค์ เพราะพระองค์มิทรงบังคับผู้ใดเกินความสามารถ ‎
🔴 คำพูดของท่านนบี  ที่ว่า “ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความชั่วที่ข้าพระองค์ได้ก่อ” ข้าพระองค์พึ่งพาพระองค์ โอ้อัลลอฮ์ ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความชั่วที่ข้าพระองค์ได้กระทำ ให้พ้นจากความชั่วร้ายและบั้นปลายที่ไม่สวยงาม ขอให้พ้นจากการลงโทษของพระองค์ การไม่ได้รับอภัยโทษจากพระองค์ หรือขอให้พ้นจากความชั่วในการกลับไปอยู่สภาพที่ฝ่าฝืนเช่นเดิม ปฏิบัติการงานที่น่ารังเกียจ มีลักษณะที่เลวร้ายอย่างที่เคยเป็น
🔴 คำพูดของท่านนบี  ที่ว่า “ข้าพระองค์ยอมรับต่อพระองค์ในความโปรดปรานของพระองค์ที่ประทานให้ข้าพระองค์” หมายถึงข้าพระองค์ยอมรับในความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงประทานให้‏ ‏‎ ความเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมอบให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการยอมรับต่อความโปรดปรานนี้คือการกตัญญูต่อผู้ทรงให้ความโปรดปราน(อัลลอฮ์) ตะอาลา และไม่เนรคุณต่อพระองค์ (โดยการใช้อวัยะวะต่าง ๆ ไปในหนทางที่ถูกต้อง ตามพระบัญชาใช้ ไม่ใช้มันในทางฝ่าฝืน)‎
🔴 คำพูดของท่านนบี  ที่ว่า “และข้าพระองค์ยอมรับต่อพระองค์ในความผิดที่ข้าพระองค์ได้กระทำ” กล่าวคือ ข้าพระองค์สารภาพผิดต่อบาปที่ได้กระทำทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นความบกพร่องในเรื่องจำเป็น(วาญิบ) หรือปฏิบัติสิ่งต้องห้าม ‎ดังนั้นการยอมรับความผิดและข้อบกพร่องนั้นคือหนทางสู่การกลับเนื้อกลับตัว และใครที่ยอมรับผิดและกลับตัวแล้ว(ครบตามเงื่อนไขของเตาบะฮ์) พระองค์ก็จะทรงอภัยให้แก่เขาอย่างแน่นอน ‎
🔴 คำพูดของท่านนบี  ที่ว่า “ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด” กล่าวคือ โอ้อัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยบาปของข้าพระองค์ทั้งหมด แน่นอนว่าพระเมตตาของพระองค์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล พระองค์ทรงใจบุญ ไม่มีบาปใดที่ใหญ่สำหรับพระองค์อันเกินกว่าที่พระองค์จะทรงอภัยโทษได้ พระองค์คือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตา ไม่มีผู้ใดที่จะอภัยได้นอกจากพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ‎พระองค์ ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ 135 ว่า
‏﴿وَٱلَّذِينَ إِذَا فَعَلُواْ فَٰحِشَةً أَوۡ ظَلَمُوٓاْ أَنفُسَهُمۡ ذَكَرُواْ ٱللَّهَ فَٱسۡتَغۡفَرُواْ لِذُنُوبِهِمۡ وَمَن ‏يَغۡفِرُ ٱلذُّنُوبَ إِلَّا ٱللَّهُ وَلَمۡ يُصِرُّواْ عَلَىٰ مَا فَعَلُواْ وَهُمۡ يَعۡلَمُونَ﴾ ‏
‎“บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขากระทำสิ่งชั่วใด ๆ หรือ อธรรมต่อตัวเองแล้ว พวกเขาก็รำลึกถึงอัลลอฮฺ แล้วขออภัยโทษในความผิดต่าง ๆของพวกเขา และใครเล่าที่จะอภัยโทษความผิดทั้งหลายให้ได้ นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น และพวกเขามิได้ดื้อรั้นปฏิบัติในสิ่ง ที่เขาเคยปฏิบัติมา(ความชั่ว)โดยที่พวกเขารู้กันอยู่”‎
🔴 หลังจากท่านนบี  ได้ปิดท้ายดุอาอ์บทนี้ด้วยกล่าวถึงผลบุญอันยิ่งใหญ่และการตอบแทนอันมากมายสำหรับผู้ที่รักษาดุอาอ์บทนี้เป็นประจำทุกเช้าเย็น ท่านกล่าวว่า ‎
‎“ผู้ใดที่กล่าวดุอาอ์บทนี้” หมายถึง ผู้ใดที่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ “ในยามเช้าด้วยความมั่นใจ” มีความเชื่อมั่นต่อคำกล่าวนี้ เพราะเป็นคำกล่าวที่ได้รับจากผู้บริสุทธิ์จากบาป‎(ท่านนบี )ซึ่งจะไม่พูดด้วยกับอารมณ์ หากแต่เป็นวะฮ์ยฺที่ถูกประทานมาให้แก่ท่าน ‎‎“แล้วเขาเสียชีวิตในวันนั้นก่อนที่จะเข้าเวลาเย็น เขาคือหนึ่งในชาวสวรรค์ และผู้ใดที่กล่าวดุอาอ์บทนี้ยามกลางคืนโดยมีความมั่นใจ แล้วเขาเสียชีวิตก่อนที่จะถึงเวลาเช้าเขาจะเป็นหนึ่งในชาวสวรรค์”‎
อันที่จริงผลตอบแทนที่ถูกสัญญาไว้ในฮะดีษบทนี้นั้นเฉพาะสำหรับผู้ที่รักษาดุอาอ์บทนี้อยู่เสมอเนื่องจากเขาเริ่มต้นและสิ้นสุดวันของเขาด้วยการให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์  ‎ทั้งในด้านรุบูบียะฮ์และอุลูฮียะฮ์ และยอมรับในความเป็นบ่าวทาสของตน แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ยอมรับว่าตนนั้นบกพร่องและผิดพลาด มีการขออภัยโทษจากผู้ทรงอภัยพร้อมกับแสดงความต่ำต้อย ความนอบน้อมยอมสยบมาแล้วก่อนหน้านี้ นี่คือเนื้อหาที่ล้ำค่าและคุณลักษณะอันสูงส่งที่บ่าวเริ่มต้นและสิ้นสุดในแต่ละวันด้วยกับคุณลักษณะอันประเสริฐนี้ จึงเป็นการสมควรแก่ผู้ที่มีลักษณะดังกล่าวและรักษามันอยู่สม่ำเสมอที่จะได้รับการอภัยโทษ ถูกปลดปล่อยจากไฟนรกและเข้าสู่สวรรค์ ‎
สรุปจากหนังสือ ฟิกฮุ้ลอัดอิยะฮ์วั้ลอัซการ ของเชคอับดรร็อซซาก อิบนุอับดุลมุฮ์ซิน ‎อัลบัดร์
★อ.ฮัซซาน เเดงโกเมน เเปล/เรียบเรียง